รำอีเอ็ม (EM Bokashi) คือหัวเชื้อสำหรับหมักเศษอาหารจากครัว ช่วยเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ด้วยวิธีการหมักแบบไร้ออกซิเจน เหมาะสำหรับใช้กับถังโบคาฉิ (Bokashi Bin) เพื่อจัดการเศษอาหารในครัวเรือนอย่างง่ายดาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้ปุ๋ยเคมี
คุณสมบัติเด่นของรำอีเอ็ม
ส่วนประกอบ: ผลิตจากรำข้าวผสมหัวเชื้อ EM (Effective Microorganisms) ซึ่งประกอบด้วยยีสต์, แลคโตบาซิลลัส (Lactic Acid Bacteria), และจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง (PNSB)
การทำงาน: หมักแบบไร้ออกซิเจน (Anaerobic) ช่วยย่อยสลายเศษอาหารอย่างรวดเร็ว โดยไม่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นหรือก๊าซไข่เน่า
อายุการใช้งาน: เก็บได้นานถึง 1 ปีเมื่ออยู่ในที่แห้งและเย็น
น้ำหนัก: บรรจุถุงละ 800 กรัม
วิธีใช้รำอีเอ็มกับถังโบคาฉิ
เตรียมถังโบคาฉิ: ใช้ถังที่มีฝาปิดมิดชิดและมีวาล์วระบายน้ำ เพื่อป้องกันอากาศเข้าและระบายน้ำหมักทุก 2-3 วัน
ใส่เศษอาหาร: นำเศษอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ หรือกากอาหาร (หลีกเลี่ยงของเหลว เช่น น้ำแกง น้ำผลไม้ หรือนม) ใส่ลงในถัง ความหนาประมาณ 2 นิ้ว
โรยรำอีเอ็ม: โรยรำอีเอ็ม 1 กำมือให้ทั่วเศษอาหาร
ปิดด้วยยาง: ใช้ยางหรือแผ่นพลาสติกปิดทับ แล้ววางของหนัก เช่น หินหรืออิฐ เพื่อป้องกันอากาศเข้า
ปิดฝาให้สนิท: อย่าเปิดฝาบ่อย เพื่อรักษาสภาพการหมัก ควรเพิ่มเศษอาหารวันละครั้งเท่านั้น
ระบายน้ำหมัก: เปิดวาล์วระบายน้ำทุก 2-3 วัน เพื่อป้องกันการบูด
รอการหมัก: เมื่อถังใกล้เต็ม ปล่อยให้หมักต่ออีก 20-25 วัน โดยไม่เปิดฝา เพื่อให้การหมักสมบูรณ์
นำไปใช้: นำของหมักไปฝังในดินหรือแปลงปลูก รอ 15-20 วันให้กรดในของหมักกลายเป็นดินที่เป็นกลาง จากนั้นใช้ปลูกพืชได้ทันที
ประโยชน์ของการใช้รำอีเอ็ม
เปลี่ยนเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ช่วยบำรุงดินและพืชผัก
ลดขยะอินทรีย์ในครัวเรือน และลดการใช้ปุ๋ยเคมี
หมักแบบไร้ออกซิเจน ไม่มีกลิ่นเหม็น เก็บถังได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน (ในที่ร่ม ไม่ร้อนจัดหรือโดนแดดแรง)
คำเตือน
วัสดุที่ใช้หมัก: ใช้เฉพาะเศษอาหารแห้ง เช่น ผัก ผลไม้ หลีกเลี่ยงของเหลว (น้ำแกง น้ำผลไม้ นม) เพราะอาจทำให้เกิดจุลินทรีย์อื่นและส่งกลิ่นเหม็น
การระบายน้ำ: ต้องระบายน้ำหมักทุก 2-3 วัน เพื่อป้องกันการบูดและให้การหมักสมบูรณ์
การเก็บรักษา: เก็บถังโบคาฉิในที่ร่ม หลีกเลี่ยงความร้อนสูงหรือแสงแดดจัด